สัญลักษณ์ของทรานซิสเตอร์
ทรานซิสเตอร์
ทรานซิสเตอร์ หรือชื่อภาษาอังกฤษ Transistor คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ทำหน้าที่ควบคุมปริมาณการไหลของกระแสไฟฟ้ากล่าวง่ายๆคือ ทรานซิสเตอร์สามารถควบคุมกระแสไฟฟ้าให้ไหลมาก ไหลน้อย หรือหยุดไหลได้ตามที่เราต้องการ ภายใต้เงื่อนไขการใช้งานซึ่งจะกล่าวหลังจากนี้ครับ
ทรานซิสเตอร์มี 2ชนิด
1.NPN2.PNP
และมีขาใช้งาน 3 ขา คือ เบส(B) คอลเล็กเตอร์(C) อิมิตเตอร์(E) ดังแสดงในรูปด้านบน
วิธีการดูสัญลักษณ์ง่ายๆว่าสัญลักษณ์ไหนคือชนิดใด โดยการดูที่ลูกศรของสัญลักษณ์ ลูกศรชี้ไปทางไหน N จะอยู่ตรงนั้น
ถ้าลูกศรชี้ออกด้านนอกตามรูปที่ 1 คือชนิด NPN
รูปที่ 1
ถ้าลูกศรชี้เข้าด้านในดังรูปที่ 2 คือชนิด PNP
รูปที่ 2
พารามิเตอร์ต่างๆที่เราต้องรู้ก่อนใช้งานทรานซิสเตอร์
1. VBE คือ แรงดันตกคร่อมระหว่างขา B และ E ของทรานซิสเตอร์ เมื่อได้รับไบอัสตรง(1*)โดยทั่วไปมีค่าอยู่ระหว่าง 0.4V-1.2V คล้ายกับ Vf ของไดโอดนั่นเอง
2. VCE คือ แรงดันตกคร่อมระหว่างขา C และ E ของทรานซิสเตอร์ที่สามารถทนได้สูงสุด เมื่อได้รับไบอัสที่ถูกต้อง(2*)
3. VCE(sat) คือ แรงดันตกคร่อมระหว่างขา C และ E ของทรานซิสเตอร์เมื่อได้รับไบอัสที่ถูกต้อง(2*)และทำงานในย่านอิ่มตัว พูดง่ายๆก็คือ การจัดไบอัสให้ IC ไหลได้สูงสุดนั่นเอง(จะมีตัวอย่างการคำนวณในบทความต่อไปครับ)
4. IB กระแสไฟฟ้าไหลผ่านขา B เมื่อได้รับไบอัสตรง(*1)
5. IC กระแสไฟฟ้าไหลผ่านขา C เมื่อได้รับไบอัสที่ถูกต้อง(*2)
6. IE กระแสไฟฟ้าไหลผ่านขา E หรือได้จาก IB+IC
7. hfe (β) คือ ค่าอัตราขยายกระแสของทรานซิสเตอร์ได้มาจากอัตราส่วนการไหลของกระแส IB ต่อ IC โดยมีสูตรคือ IC = βIB ตัวอย่างเช่น ทรานซิสเตอร์ตัวหนึ่งมีค่า hfe = 100 หมายความว่า ถ้าเรากำหนดให้กระแส IB ไหล 2 mA เราก็จะได้ว่า
IC = βIB
= 100 * 2
= 200 mA
ดังนั้นกระแส IC สูงสุดที่ไหลได้คือ 200mA
8. PD คือ ค่ากำลังไฟฟ้าสูญเสียสูงสุดที่ทรานซิสเตอร์สามารถทนได้ ซึ่งได้มาจาก (VCE × IC) + (VBE × IB) แต่เนื่องจากค่า IB น้อยกว่า Ic มาก บางครั้งเราจึงประมาณค่า PD ≈ VCE × IC
9. VEB คือ แรงดันสูงสุดที่ทรานซิสเตอร์ทนได้เมื่อได้รับการป้อนแรงดันย้อนกลับ คือ ป้อนแรงดันตรงข้ามกับ VBE โดยส่วนมากมีค่าไม่สูงนัก ประมาณ 5V
8. PD คือ ค่ากำลังไฟฟ้าสูญเสียสูงสุดที่ทรานซิสเตอร์สามารถทนได้ ซึ่งได้มาจาก (VCE × IC) + (VBE × IB) แต่เนื่องจากค่า IB น้อยกว่า Ic มาก บางครั้งเราจึงประมาณค่า PD ≈ VCE × IC
9. VEB คือ แรงดันสูงสุดที่ทรานซิสเตอร์ทนได้เมื่อได้รับการป้อนแรงดันย้อนกลับ คือ ป้อนแรงดันตรงข้ามกับ VBE โดยส่วนมากมีค่าไม่สูงนัก ประมาณ 5V
10. VCB คือ แรงดันสูงสุดที่ทรานซิสเตอร์สามารถทนได้ระหว่างขา C และขา B โดยทั่วไปมีค่าเท่ากับ VCE
11. PC คือ ค่ากำลังไฟฟ้าสูญเสียที่ขา C ของทรานซิสเตอร์ ซึ่งเราคำนวณได้จาก VCE × IC หรือพูดง่ายๆก็คือ ค่าพลังงานสูญเสียสูงสุดที่ขา Cสามารถทนได้ โดยทรานซิสเตอร์ไม่เกิดความเสียหาย ในบางตำราอาจเรียก PC ว่าคือค่า PD เนื่องจากมีค่าใกล้เคียงกันมาก โดยค่า PD จะมากกว่า PC เพียงเล็กน้อย
11. PC คือ ค่ากำลังไฟฟ้าสูญเสียที่ขา C ของทรานซิสเตอร์ ซึ่งเราคำนวณได้จาก VCE × IC หรือพูดง่ายๆก็คือ ค่าพลังงานสูญเสียสูงสุดที่ขา Cสามารถทนได้ โดยทรานซิสเตอร์ไม่เกิดความเสียหาย ในบางตำราอาจเรียก PC ว่าคือค่า PD เนื่องจากมีค่าใกล้เคียงกันมาก โดยค่า PD จะมากกว่า PC เพียงเล็กน้อย
12. f หรือ fT คือค่าความถี่สูงสุดที่ทรานซิสเตอร์สามารถทำงานได้ ถ้าได้รับความถี่ที่เร็วกว่านี้ทรานซิสเตอร์อาจเกิดความเสียหาย
(*1) ชนิด NPN ขา B ได้รับไฟบวกและขา E ได้รับไฟลบ, ชนิด PNP ขา B ได้รับไฟลบและขา E ได้รับไฟบวก
(*2) ชนิด NPN ขา C ได้รับไฟบวกและขา E ได้รับไฟลบ, ชนิด PNP ขา C ได้รับไฟลบและขา Eได้รับไฟบวก
จากรูปที่ 4 และ 5 เป็นค่าพารามิเตอร์ต่างๆของ 2SC5200 เรามาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้างที่เราควรทราบ
VCB = 230V
VCE = 230V
VCE(sat)(max) = 3V
VBE(max) = 1V
VEB = 5V
IC = 15A
IB = 1.5A
PC = 150W
hfe(β)(min) = 35
f = 30MHz
จากรูปที่ 6 คือกราฟแสดงความสัมพันธ์ของความร้อนต่อกำลังไฟฟ้าสูญเสีย เมื่อตัวทรานซิสเตอร์มีอุณหภูมิ(อุณหภูมิที่ตัวถัง)สูงขึ้น ค่ากำลังไฟฟ้าสูญเสียที่ตัวทรานซิสเตอร์ทนได้จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากตัวอย่างรูปที่ 6 จะเห็นได้ว่า ทุกๆอุณหภูมิ(ตัวทรานซิสเตอร์)ที่เพิ่มขึ้น 0.85⁰C ค่า PC จะลดลง 1W ดังนั้นทรานซิสเตอร์เบอร์ 2SC5200 ที่อุณหภูมิ 85⁰C (ค่าแนะนำ) จะเหลือค่า PC
PC = PC(max) - ((85 - อุณหภูมิห้อง) / rth)
= 150 - ((85 - 25) / 0.85)
= 150 - 70.59
= 79.41W ≈ 80W
ดังนั้นเราควรใช้ทรานซิสเตอร์ตัวนี้ที่ PC(max) ไม่ควรเกิน 80W
*Infinite heat sink คือ Heat Sink ที่มีการระบายความร้อน เช่น มีพัดลมระบายอากาศติดตั้งร่วมด้วย เป็นต้น และถูกใช้งานที่อุณหภูมิห้อง
**ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะครับ หากท่านใดมีข้อสงสัยเพิ่มเติม อินบล็อคเข้ามาสอบถามได้เลยครับ เจอกันบทความหน้า ขอบคุณครับ
(*2) ชนิด NPN ขา C ได้รับไฟบวกและขา E ได้รับไฟลบ, ชนิด PNP ขา C ได้รับไฟลบและขา Eได้รับไฟบวก
ตัวอย่างการดูดาต้าชีทของทรานซิสเตอร์เบอร์ 2SC5200
รูปที่ 3
จากรูปที่ 3 แสดงรูปถ่ายทรานซิสเตอร์ตัวจริง(ด้านซ้าย) และ Drawing (ด้านขวา) แสดงถึงตำแหน่งขา ขนาด สัดส่วนต่างๆของทรานซิสเตอร์สำหรับใช้ออกแบบ Heat Sink ระบายความร้อน หรือ ใช้ออกแบบการวางบน PCB *ขาของทรานซิสเตอร์ไม่ได้เรียงเหมือนกันทุกตัว มีสลับกันไปแล้วแต่เบอร์ที่เราเลือกมาใช้งาน ดังนั้นควรดูดาต้าชีท หรือ วัดทดสอบขาให้เรียบร้อยก่อนการนำมาใช้งานจริง แต่มีทริคเล็กน้อย คือ ทรานซิสเตอร์เบอร์ใดที่มี Pad โลหะด้านหลัง ขาใดที่ต่อ Short ไว้กับ Pad ขานั้นมักเป็นขา C เสมอ
รูปที่ 4
รูปที่ 5
จากรูปที่ 4 และ 5 เป็นค่าพารามิเตอร์ต่างๆของ 2SC5200 เรามาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้างที่เราควรทราบ
VCB = 230V
VCE = 230V
VCE(sat)(max) = 3V
VBE(max) = 1V
VEB = 5V
IC = 15A
IB = 1.5A
PC = 150W
hfe(β)(min) = 35
f = 30MHz
rth พารามิเตอร์อีกตัวที่สำคัญต่อทรานซิสเตอร์
รูปที่ 6
จากรูปที่ 6 คือกราฟแสดงความสัมพันธ์ของความร้อนต่อกำลังไฟฟ้าสูญเสีย เมื่อตัวทรานซิสเตอร์มีอุณหภูมิ(อุณหภูมิที่ตัวถัง)สูงขึ้น ค่ากำลังไฟฟ้าสูญเสียที่ตัวทรานซิสเตอร์ทนได้จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากตัวอย่างรูปที่ 6 จะเห็นได้ว่า ทุกๆอุณหภูมิ(ตัวทรานซิสเตอร์)ที่เพิ่มขึ้น 0.85⁰C ค่า PC จะลดลง 1W ดังนั้นทรานซิสเตอร์เบอร์ 2SC5200 ที่อุณหภูมิ 85⁰C (ค่าแนะนำ) จะเหลือค่า PC
PC = PC(max) - ((85 - อุณหภูมิห้อง) / rth)
= 150 - ((85 - 25) / 0.85)
= 150 - 70.59
= 79.41W ≈ 80W
ดังนั้นเราควรใช้ทรานซิสเตอร์ตัวนี้ที่ PC(max) ไม่ควรเกิน 80W
*Infinite heat sink คือ Heat Sink ที่มีการระบายความร้อน เช่น มีพัดลมระบายอากาศติดตั้งร่วมด้วย เป็นต้น และถูกใช้งานที่อุณหภูมิห้อง
ผมขอจบบทความนี้แต่เพียงเท่านี้ สามารถติดตามต่อบทที่ 8 มารู้จักทรานซิสเตอร์กันเถอะ EP2 ได้ทันทีตามลิงค์นี้เลยครับ https://pomtepnarakelec.blogspot.com/2019/03/8-ep2-cut-off-satuation-region.html
**ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะครับ หากท่านใดมีข้อสงสัยเพิ่มเติม อินบล็อคเข้ามาสอบถามได้เลยครับ เจอกันบทความหน้า ขอบคุณครับ
บทความโดย Pomtep Narak
2019/03/23
ดีงามคะ
ตอบลบขอบคุณครับ ฝากติดตามด้วยนะครับ
ลบมีข้อสงสัยอยากรบกวนถามครับว่าการจะหยิบเอาค่า hfe มาใช้งานในดาต้าชีทมันจะมีค่า min กับค่า max เราควรนำค่าไหนมาใช้เพราะสาเหตุใดครับ ขอบคุณครับ
ตอบลบก่อนอื่นต้องขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านในบล็อคของผมนะครับ
ลบผมขอให้คำตอบดังนี้ครับ ถ้าเรานำวงจรทรานซิสเตอร์ไปใช้ในจุดที่อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมากควรใช้ค่า min ครับเนื่องจากกระแส IC จะไหลน้อยลงเมื่ออุณหภูมิต่ำลงครับ แต่ถ้าใช้ในที่อุณหภูมิสูงควรใช้ค่ากลางครับ จากประสบการณ์ที่ผมทำงานมาผมใช้ในวงจรสวิตช์ เพื่อให้วงจรสามารถใช้งานได้ในทุกสภาวะ เรานิมยมใช้ค่า min เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ทรานซิสเตอร์จะทำงานในโหมด saturation อย่างแน่นอนครับ
ถ้ามีทั้งค่าminและmax หลายค่าควรใช้ค่าไหนคะ
ลบเป็นกำลังใจให้ครับทำข้อมูลได้ดีครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ลบเยี่ยมมากๆ
ตอบลบขอบคุณครับ
ลบขอบคุณครับผมได้เข้ามาอ่านได้ความรู้เยอะครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ลบผมอยากเข้าไปอ่าน EP 2 ต้องทำอย่างไรครับกดเข้าไม่ได้เลย
ตอบลบhttps://pomtepelec.blogspot.com/2019/03/8-ep2-cut-off-satuation-region.html?m=1
ลบตามลิงค์นี้ได้เลยครับ ✌️✌️
ขอขอบคุณ ที่แบ่งปันสำหรับความรู้ดี ๆ ครับ
ตอบลบ